บทที่ 6 จริงตามที่พูด
“มิได้ เมื่อคืนคนทั้งจวนได้ยินเสียงนางร้องโหยหวนราวกับแม่หมูถูกเชือด และเอาเถิด พอพบหน้าพี่ใหญ่ก็ฟ้องว่าไม่ได้มีความสุขสักนิด แล้วจะให้น้องชายเช่นข้าที่รักและเทิดทูนพี่ใหญ่นิ่งนอนใจได้หรือ”
“ฮึ...ถึงข้าจะเมาหนัก แต่หูไม่ได้ตึง เมื่อคืนหมาแมวที่ไหนมันร้องทั้งคืนที่เรือนไป๋เหลียนฮวา ไม่ใช่เพราะพวกมันคอยคาบข่าวต่าง ๆ มาให้เจ้าฟังหรอกหรืออาป๋อ”
ได้ยินเช่นนั้น แต่จิ่งป๋อเลยทำหน้าใสซื่อ และได้ผลทุกครั้งกับพี่ชาย เพราะเขาอายุห่างจากจิ่งหลัวคุนหลายปี อีกทั้งพี่ชายคนนี้รักและเอ็นดูเขายิ่งกว่าใคร มิหนำซ้ำเมื่อครั้งเป็นเด็กแบเบาะ เริ่มพูดได้ จิ่งป๋อเรียกอีกฝ่ายอย่างประจบว่า ‘ท่านพ่อเล็ก!’
“โอ้ หลังจากมอมสุราหมักท่าน เฮ้ย...หลังจากดื่มสุรายินดีกับพี่ใหญ่ที่ได้แต่งงาน เด็ก ๆ ก็หามข้าไปเรือนของตน ไฉนจะรู้เห็นสิ่งใดอีก”
“ให้มันจริงตามที่เจ้าพูด”
“พี่ใหญ่ น้องเล็กของพี่เคยโกหกตั้งแต่เมื่อใด อีกอย่าง อนุของพี่ใหญ่ ก็เป็นข้าที่คอยกำราบพวกนางไม่ให้แตกแถว มิเช่นนั้นป่านนี้คงมาตีโพยตีพาย ร้องขอความเมตตาจากท่าน เพื่อให้ไปฝังแท่งหยกเข้ากลีบของนางบ้าง!”
จิ่งหลัวคุนเกือบยกเท้าถีบน้องชายที่ใช้วาจาหยาบคาย แต่เมื่อมองอีกฝ่ายก็เห็นเป็นเพียงเด็กน้อยไม่เปลี่ยน “อาป๋อ...สิ่งใดที่เจ้าทำได้ดีอยู่แล้ว จงทำต่อไป แต่หากว่าก้าวก่ายเรื่องของข้ามากนัก รู้ใช่ไหมว่าจวนจิ่งจะไม่มีที่ให้เจ้าซุกหัวนอน”
จิ่งป๋อหน้าซีดสลดและไม่กล้าที่จะเอ่ยสิ่งใดอีก กระนั้นก็อดมองหน้าพี่ชายคนโตไม่ได้ แผลเยอะขนาดนั้น ให้ตายเถอะ เขายังกล้าออกไปอวดโฉมให้ผู้อื่นเห็นอีกหรือ!
สามวันผ่านไป
เรือนไป๋เหลียนฮวากำลังพบเรื่องน่าหงุดหงิดอย่างที่สุด เนื่องจากคนรับใช้จากเรือนหลักซึ่งถูกส่งตัวมานั้นเป็นลมไปหลายคน บ้างก็อ่อนแรง ทำงานไม่ได้ ดูแล้วน่าสงสารยิ่งนัก
ทว่าสำหรับเนี่ยหยวนซูหาได้มีสิ่งเดือดร้อนใจ แม้สาวใช้และบ่าวที่ถูกส่งให้นางเป็นฝ่ายไท่ฮูหยินคัดตัวมาให้ ทว่าทั้งหมดไม่ได้เข้ามาใกล้ชิด จะมีแต่ฝานเหอกับเสี่ยวฉุนที่อยู่ห้องด้านใน ตอนนี้ทั้งคู่บ่นไม่หยุดถึงความเอาเปรียบ และการทำเรื่องไม่สมควรกับบุตรีสกุลเนี่ย ทั้งที่เงินทองของจวนจิ่งในตอนนี้ได้สกุลเนี่ยจุนเจือ
“สามวันแล้วนะเจ้าคะ นอกจากโจ๊กจืดชืดและผลไม้ ก็ไม่มีสิ่งใดส่งมาจากครัวหลักเลยเจ้าค่ะคุณหนู”
“หมายถึง...” เนี่ยหยวนซูถามอย่างรำคาญ ยามนี้นางนั่งสบาย ๆ อยู่บนม้าโยก อ่านตำราสัปดนของคนในยุคสมัยนั้น
“ก็อาหารหลัก ขนมหวาน ของกินเล่น หรือแม้แต่ผ้าแพรที่เราควรได้ ล้วนไม่ถูกแจกจ่าย”
“พวกเขาให้เหตุผลหรือไม่” เนี่ยหยวนซูถามเสี่ยวฉุน
“คือ บ่าวที่ไปรับของจากครัวหลักแจ้งว่า ช่วงนี้ไท่ฮูหยินถือศีลกินแต่ผลไม้ ส่วนเรือนอื่นต่างปรุงอาหารเอง ดังนั้นครัวกลางจึงไม่ได้ทำสิ่งใด” เสี่ยวฉุนตอบ
“น่าขัน...และนี่คงไม่ได้หมายความว่าสกุลจิ่งกำลังอยากรับน้องฮูหยินใหญ่คนนี้หรอกนะ”
“รับน้อง!” เสี่ยวฉุนถามอย่างสงสัย
“หมายความว่า พวกเขาคงอยากลองดีกับข้าและคิดอย่างตื้นเขินว่า ข้าคงอดตายอยู่ในเรือนไป๋เหลียนฮวากระมัง”
“คุณหนูจะทำเช่นไรดี ส่งจดหมายไปให้เจ้าบ้านเนี่ยดีหรือไม่เจ้าคะ เช่นนี้ ถือว่าเป็นการลบหลู่เกียรติของเรา” ฝานเหอกล่าว และนางโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“เหลวไหล...แม่นมฝานใจเย็นลงบ้าง เรื่องนี้ข้าจะบันทึกเอาไว้ในบัญชีหนังหมาดำ เดี๋ยวถึงเวลาเมื่อใดก็ชำระความทีเดียว ส่วนอาหารของข้า เราคงไม่อดตายหรอก ข้าวของที่เตรียมไว้มีมากพอกินอิ่มไปเกือบปี ถูกต้องหรือไม่”
ฝานเหอลอบถอนหายใจเบา ๆ สิ่งที่เนี่ยหยวนซูกล่าวถูกต้อง
“ถึงเราจะมีพร้อมทุกสิ่งอย่าง แต่เรื่องนี้คุณหนูจะยอมไม่ได้ ในภายหน้า กุญแจทุกดอกของจวนจิ่ง คุณหนูต้องนำมาถือไว้ ไม่ใช่ให้ยายแก่หนังเหี่ยวคนใดครอบครอง”
“แม่นมฝาน ดูเหมือนเจ้าจะเอานิสัยและคำพูดข้าไปใช้มากไปหน่อยแล้วนะ” เมื่อเนี่ยหยวนซูปราม ฝานเหอจึงยิ้มแหยและยอบตัวเตรียมไปจัดหาของว่างให้แก่หญิงสาว
ซึ่งก่อนหน้านั้นเนี่ยหยวนซูรู้ว่าตนต้องแต่งงานกับจิ่งหลัวคุน ชะตากรรมนี้นางมิอาจเลี่ยง จึงต้องรับมือให้ดีและเตรียมตัวให้พร้อม ดังนั้นการอยู่ในจวนจิ่ง ก่อนได้รับหนังสือหย่าร้างโดยถูกต้องและเป็นการพร้อมใจทั้งสองฝ่าย นางสมควรอยู่ดีกินดีในเรือนไป๋เหลียนฮวา
นับแต่กลายเป็นวิญญาณแล้วอาศัยร่างไซซีที่งามพร้อม ทั้งยังเป็นลูกสาวเจ้าบ้านเนี่ย หญิงสาวก็ได้วางแผนอย่างรัดกุม จัดอาหารยารักษาโรคใส่หีบต่าง ๆ ไว้พร้อม และส่งช่างฝีมือเข้ามาตรวจสอบเรือนหอ และขอให้บิดาออกหน้าคุยกับจิ่งหลัวคุนเพื่อขยายพื้นที่ด้านหลังให้เป็นโรงเก็บวัตถุต่าง ๆ กับโรงครัว มีห้องน้ำแบบใหม่ที่นางออกแบบเองด้วย ถึงสร้างความไม่พอใจให้คนในจวนจิ่ง แต่เจ้าบ้านเนี่ยผู้มีคนหนุนหลังมากมาย เมื่อเขาอยากให้ลูกสาวคนเดียวมีความสุข ดังนั้นแม้แต่ไท่ฮูหยินก็ไม่กล้ายื่นปากเข้ามาแส่
